แค่รู้ - อานาปานสติ ครั้งที่ 86 (ุ2 เม.ย. 66 2/2)

ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)

25-05-2023 • 1 ora 11 minuti

อบรมอานาปานสติ ครั้งที่ 86 โดย (พระกิตติวิมลเมธี) พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหาร วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน 2566 ณ อาคารธรรม ดีรุ่งโรจน์


นัตถิ ฌานัง อปัญญัสสฌานย่อมไม่มี แก่คนที่ไม่มีปัญญา

ปัญญา นัตถิ อฌานโตปัญญาย่อมไม่มี แก่บุคคลผู้ไม่มีฌาน

ยัมหิ ฌานัญจ ปัญญาจฌานและปัญญา ย่อมตั้งอยู่ในบุคคลใด

ส เว นิพพาน สันติเกบุคคลนั้น ย่อมตั้งอยู่ในที่ใกล้พระนิพพาน

ในการภาวนา ฌานแปลว่าเพ่ง ปัญญาแปลว่ารู้ ถ้าเอาแต่รู้ไม่มีเพ่งมันจะฟุ้ง เอาแต่เพ่งไม่มีรู้มันอุดอู้ ถ้าเพ่งรู้จะรู้ตรงไปที่จุดๆเดียว ในเรื่องๆเดียว ในสิ่งๆเดียว เกิดเป็นความรู้จริงในสิ่งนั้น ถ้ารู้ไปทั่ว รู้มั่วจะฟุ้ง ถ้าเพ่งแล้วไม่รู้จะไม่ถือว่าเป็นฌาน รู้ที่ไม่มีการเพ่งจะไม่ถือว่าเป็นปัญญา การเพ่งรู้คือเพ่งพินิจ ฌานต้องอยู่กับปัญญา อาการที่ยกตัวรู้ตรงเข้าสู่ลมหายใจคือเพ่ง แต่เพ่งนี้ต้องกลมกลืนเป็นอารมณ์อันเดียว ถ้าเพ่งไปหลายๆที่พร้อมๆกันไม่ถือว่าเป็นเพ่ง การเพ่งในที่นี้คือตรงเข้าไปสู่อารมณ์อันเดียว และทรงอารมณ์อันเดียวนั้นได้อย่างต่อเนื่อง เพ่งไปเพื่อเป็นที่วางของรู้ เพ่งกับรู้ เพ่งไปที่ลมหายใจออก รู้ลมหายใจออก ตัวรู้ทำหน้าที่แต่ตัวรู้จะไปรู้ตรงนั้นได้ กิริยาที่เกิดขึ้นนั้น ที่ตัวรู้รู้ตรงต่อลมนั้นเรียกว่าเพ่ง ฉะนั้นเพ่งกับรู้จึงอยู่ด้วยกัน เมื่อเพ่งกับรู้เติบโตมาด้วยกัน ก็จะเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ใกล้พระนิพพาน รู้เห็นแต่ความจริง

ตั้งแตเริ่มต้นรู้ลมหายใจแรก มีเพ่ง รู้ลมหายใจไปเรื่อยๆจนลมหายใจละเอียด รู้ยังมีกำลังรู้ตรงต่อลมที่สั้น การที่ตัวรู้รู้ตรงเข้าสู่ลมสั้นมีเพ่ง การรู้ยังรู้ตรงต่อลมสั้นจนลมหยุด ทำหน้าที่เพียงแค่รู้ลมหยุดนั้น มีเพ่ง ฉะนั้นทุกรู้ที่ตรงต่อสู่สิ่งที่ถูกรู้ อาการที่เป็นอารมณ์อันเดียวของรู้ตรงเข้าไปสู่สิ่งที่ถูกรู้นั่นคือเพ่ง ฌานจึงเจริญเติบโตไปกับตัวรู้หรือปัญญา เมื่อฌานและปัญญาพัฒนาขึ้นมาเมื่อใด เมื่อนั้นจะรู้เห็นตามความเป็นจริง แต่ฌานตั้งอยู่บนฐานของความตั้งมั่น รู้อยู่บนฐานของสติสัมปชัญญะ ถ้าเราภาวนาอย่างถูกช่อง ตรง ง่ายๆ ฌาน ปัญญา สติ สัมปชัญญะ ความตั้งมั่นโตมาด้วยกัน ถ้าเรารู้ลมแล้วอึดอัด อึดอัดนั้นไม่ใช่ฌาน ปัญญา สติ ความตั้งมั่น เราเป็นผู้อึดอัด ถ้าตัวรู้มีกำลังอยู่กับความตั้งมั่น เมื่อมีความอึดอัดตั้งขึ้นที่กาย ตัวรู้ก็จะทำหน้าที่แค่รู้มัน ตัวรู้อยู่กับความตั้งมั่นทำหน้าที่ในการรู้ลมแล้วมันเกิดหลุดออกไปจนเรารู้ได้ว่ามันฟุ้ง ฟุ้งถือเป็นสภาวะ เราฟุ้ง รู้จึงทำหน้าที่เพียงแค่ดูฟุ้งนั้น ฉะนั้นในการรู้ลมในการปฏิบัติอานาปานสติ จะสังเกตได้ว่าท่านจัดรายละเอียดของสิ่งต่างๆซึ่งไม่ใช่รู้ เรียกว่า นิวรณ์ อุปกิเลสในวิปัสสนา เรียกว่าอันตราย เช่น แม้เฝ้าอยู่กับตัวรู้ ตัวรู้อยู่กับลมหายใจแล้ว แต่ว่าเมื่อตัวรู้อาศัยอยู่ที่นิมิตรู้ลมหายใจออก แต่มันเป็นความรู้ซ้อนขึ้นมาในขณะที่รู้ลมนั้น เช่นว่าอันนี้เป็นลมหยาบ อันนี้เป็นลมละเอียด ลมนี้น่าจะอยู่ชั้นนั้นชั้นนี้ การปฏิบัติของเราน่าจะถึงขั้นนั้นขั้นนี้ เพราะเรารู้มากอ่านมากฟังมาก จิตรู้มากตกไปในฝ่ายของราคะ เป็นอันตรายต่อสมาธิ คือเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราได้อย่างนั้นอย่างนี่ เราชอบใจ จิตตกอยู่ในฝ่ายของราคะ หรือปฏิบัติแล้วเกิดความรู้สึกว่าเราไม่ก้าวหน้า ภาวนาไม่ดี จิตรู้สึกว่าไม่รู้อะไร จึงตกอยู่ในฝ่ายพยาบาท นี่เป็นอันตรายต่อสมาธิ ฉะนั้นการรู้สึกว่าชอบ รู้สึกว่าดี รู้สึกไม่ชอบ รู้สึกว่าไม่ดี ล้วนเป็นสภาวะที่ไม่ควรให้ค่าต่อการที่เข้าไปคาดหมายเป็นนิมิตหมายใดๆเพราะต่างเป็นอันตราย กิริยาจึงเหลือแค่สองตัว แค่รู้ แค่รู้มีเพ่งอยู่ด้วย เพ่งคืออาการที่มันมุ่งตรงไปแล้วรู้ มุ่งตรงไปคือเพ่ง แล้วรู้ ลมออกแล้วรู้ จบ ลมเข้าแล้วรู้ จบ ทุกครั้งที่มันรู้จบ ตกเป็นสมาธิ สมาธิคือความตั้งมั่น ความตั้งมั่นที่เกิดขึ้นมามันจึงมีแฮ่ง คือมีคุณสมบัติของรู้อันมีสติสัมปชัญญะอยู่ จะทำหน้าที่รู้ ต่อไปความตั้งมั่นมีกำลัง มันไม่สนใจอะไรอีกแล้วพอจะรู้ลม มันจะมาที่นิมิตของมันเองโดยไม่ต้องไปเพ่งรู้ที่นิมิต จะไปที่ลมหายใจอย่างถูกต้องเองโดยไม่ต้องเพ่งลมหายใจ แต่การที่เพ่งนั้นมันยังมีอาการอยู่ เพราะมันอยู่ในลักษณะกิริยาของอาการเพ่ง แต่ไม่ใช่เราจะต้องไปทำหน้าที่เพ่ง แต่การทำงานของตัวรู้ มันจะทำงานด้วยการเพ่งรู้ อันนี้คือ ฌาณังจ ปัญญาจ ฌานต้องคู่กับรู้ หรือกำหนดรู้ ในการปฏิบัติอานาปานสติ จุดมุ่งหมายคือการขัดเกลาให้เหลือแค่เพ่งรู้


#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน